Wednesday, February 20, 2008

พิเศษ สังข์สุวรรณ : เรื่องเล่า : เงาสามแสง : 2

Main article: Film theory

Film theory seeks to develop concise, systematic concepts that apply to the study of film as art. It was started by Ricciotto Canudo's The Birth of the Sixth Art. Formalist film theory, led by Rudolf Arnheim, Béla Balázs, and Siegfried Kracauer, emphasized how film differed from reality, and thus could be considered a valid fine art. André Bazin reacted against this theory by arguing that film's artistic essence lay in its ability to mechanically reproduce reality not in its differences from reality, and this gave rise to realist theory. More recent analysis spurred by Lacan's psychoanalysis and Ferdinand de Saussure's semiotics among other things has given rise to psychoanalytical film theory, structuralist film theory, feminist film theory and others.

From Wikipedia


2

อยู่ปีหนึ่งก็เป็นจ๋องกรอดไปตามระเบียบ .... ระบบอาวุโลที่ศิลปากรแรงมาก แต่อบอุ่นดี น้องใหม่เป็นเหมือนไข่ในหิน ..... แต่เป็นหินที่มีอุ้งมือและฝ่าเท้า .... ไม่แตกไประหว่างทางก็ดีถมแล้ว

แต่พอขึ้นปี 2 ก็เริ่มซ่าได้

จิตวิญญาณของ คนหนัง ก็สามารถแผ่ออกตามสิ่งแวดล้อม ..... ศิลปากรคือมหาวิทยาลัยศิลปะ และเปิดโอกาสให้แสดงออกเสมอ ... ไม่มีวันหยุด.

ผมเริ่มทำ Modern Dance ครั้งแรก และทำมาตลอดจนจบการศึกษา

ผีคนหนัง เข้ามาแรกอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไม่มีก้านมะยมหรือน้ำมนต์ไหนจะมาไล่ออกได้อีกแล้ว.

ที่เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ก็เพื่อจะปูพื้น ... เพื่อรู้จักกันไว้ .... ต่างคนต่างจะได้ไม่เอ๋อ ซึ่งกันและกัน

เข้าหัวเรื่องกันดีกว่า ............ เป็ดน้อย

เป็ดน้อย เป็นเรื่องของคน ไม่ใช่เรื่องของลูกเป็ด

เป็นชื่อหนังของอัศวินภาพยนตร์ ในพระองค์ชายใหญ่ ............. พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลฯ

ดาราแสดงนำจำไม่ได้แล้ว ดูเหมือนจะเป็น ไชยา สุริยัน กับสุนิสา พัฒนุช จำผิดจำถูกเขียนผิดเขียนถูกก็ขออภัยไว้นะครับ

วันหนึ่ง ท่านอาจารย์ไขศรี ก็เดินเข้ามาบอกในชั้นเรียนว่า ใครอยากจะไปแสดงหนังเป็นตัวประกอบบ้าง มีค่าตัว 200 บาท ต่อวัน คงเข้าฉากประมาณ 2 วัน

ยกมือกัน พรึ่บ เหมือนฝ่ายรัฐบาลในสภา ฯ เลย

พอถึงวันเวลา เราก็ยกโขยงกันไปที่โรงถ่ายอัศวิน หนองแขม เป็นฉากกลางคืน งานปาร์ตี้แฟนซี สนุกสนานและมีบู๊ ตีกันในงาน ....... พระเอกชนะ ตามปรกติ

ไปถึงเขาก็ให้ไปหาเครื่องแต่งตัวแต่งแฟนซึกันเองที่ห้องเก็บเครื่องแต่งตัว .... ก็มัน ชาวศิลปากรเขาละ ลูกัสมาเห็นจะอาย

ผมกับเพื่อนสองสามคน โดนคัดตัวมานั่งโต๊ะเลี้ยง .... เป็นแขกมาในงาน ไม่ต้องแต่งแฟนซี เป็นพวกพระเอก

แสดงว่าหล่อน่าดูเหมือนกันนี่หว่า เรา

พอพร้อมแล้วก็เริ่มถ่ายทำ

2 ทุ่ม ยันหกโมงเช้า

เพิ่งรู้ว่าถ่ายหนังนี่มันน่าเบื่อแค่ไหน ถ้าเราไม่ได้เป็นทีมงานถ่ายทำ

ดีหน่อยที่บนโต๊ะ มีเหล้า มีเบียร์จริง ๆ ให้กิน

พระองค์ชายใหญ่ท่านมีน้ำพระทัยดี

ก็เลยเบื่อน้อยกว่าไอ้พวกแต่งแฟนซีเดินไปเดินมา เดี๋ยวก็เปาบุ้นจิ้นมาขอเหล้าอีกหนึ่ง .... เดี๋ยว ๆ ทศกรรณฑ์ก็มาขออีกหนึ่ง ........ เดี๋ยว ๆ โซโร ก็มากระซิบขอบุหรี่ .... เดี๋ยว ๆ มารี เดอ อังตัวเนท ก็มาจ๊ะจ๋า อยากกลับบ้าน ......... สารพัดสารพัน

คืนนั้นทั้งคืนไม่ได้ถ่ายสักช็อตหนึ่ง ..... เมาตาลาย เขาต้องถ่ายตัวแสดงนำก่อน .... ตัวประกอบก็เห็นไกล ๆ เป็นตัวประกอบ อย่างที่ตัวประกอบเป็น.

เช้ากลับมหาวิทยาลัย นอนกันเกลื่อน เหมือนศพในทุ่งคุรุเกษตร

No comments: